Realme 13 5G และ 13+ 5G เปิดตัวแล้ว

Realme 13+ 5G เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่เปิดตัวด้วยชิปเซ็ต Dimensity 7300 Energy ของ MediaTek โดยชิปเซ็ตนี้ประกอบด้วย 8 คอร์ โดยมี 4x Cortex A78 cores @ สูงสุด 2.5 GHz และ 4x Cortex A55 @ สูงสุด 2.0 GHz ชิปเซ็ต 4nm นี้ยังมี GPU Mali-G615 พร้อมการจัดการพลังงานที่ได้รับการปรับปรุงและหน่วยประมวลผลประสาทเฉพาะ – MediaTek NPU 655

Realme ยังเพิ่มห้องระเหยสเตนเลสสตีลขนาด 6,050 mm2 เพื่อช่วยควบคุมความร้อน Realme 13+ มาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความถี่ 120Hz ความสว่างสูงสุด 2,000 nits ด้านหลังมีกล้องหลัก 50MP พร้อมเซ็นเซอร์ Sony LYT-600 และเลนส์มุมกว้างพิเศษ 8MP มีแบตเตอรี่ 5,000 mAh พร้อมชาร์จเร็ว 80W และมาพร้อม Realme UI ที่ใช้ Android 14 มีสี Victory Gold, Speed ​​Green และ Dark Purple

ราคาเริ่มต้นที่ 275 ดอลลาร์ ประมาณ 9,400 บาท สำหรับรุ่น 8/128GB รุ่น 8/256GB จะมีราคา 300 ดอลลาร์ ประมาณ 10,000 บาท ในขณะที่รุ่น 12/256GB จะมีราคา 320 ดอลลาร์ ประมาณ 10,800 บาท


Realme 13 5G โดดเด่นด้วยชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 6300 SoC จับคู่กับ RAM สูงสุด 8GB และหน่วยความจำภายใน 256GB ซึ่งสามารถเพิ่มได้ด้วยการ์ด microSD ที่น่าสังเกตคือชิปเซ็ตเป็นความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่าง Realme 13 5G และรุ่น 4G โดยรุ่น 4G ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 685

เราได้เห็นข้อมูลจำเพาะอื่นๆ ไปแล้ว ได้แก่ หน้าจอ OLED ขนาด 6.67 นิ้วพร้อมอัตราการรีเฟรช 120Hz กล้องหลังมีเพียงสองตัว ได้แก่ กล้องหลัก 50MP f/1.9 ขนาด 1/1.95 นิ้ว พร้อม OIS ร่วมกับเซนเซอร์ความลึก 2MP และกล้องเซลฟี่ 16MP f/2.5จะมีให้เลือกสองรุ่นหน่วยความจำ ได้แก่ 8GB/128GB และ 8GB/256GB และคาดว่าจะมีการอัปเดต Android ครั้งใหญ่สองครั้งและแพตช์ความปลอดภัยสามปีเนื่องจากมือถือมีโครงแบบเดียวกับรุ่น 4G จึงได้รับการรับรอง IP64 ป้องกันน้ำและฝุ่น และมีห้องระเหยสแตนเลสเพื่อการระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แบตเตอรี่มาตรฐาน 5,000 mAh ช่วยให้ไฟสว่างขึ้น แต่ต่างจากรุ่น 4G รุ่น 5G จะใช้โซลูชันชาร์จเร็ว 45W ไม่ใช่ 67W

ราคาเริ่มต้นที่ 215 ดอลลาร์ ประมาณ 7,300 บาทสำหรับรุ่น 8/128GB ส่วนรุ่น 8/256GB จะอยู่ที่ 240 เหรียญสหรัฐ ประมาณ 8,200 บาท