เปิดตัว Intel Core เจนเนอเรชั่น 11: โปรเซสเซอร์ที่ดีที่สุดในโลก เพื่อแล็ปท็อปรูปลักษณ์บางเบา

เตรียมขนทัพผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้การพัฒนากว่า 150 ดีไซน์ รวมถึงผลิตภัณฑ์อีก 20 รุ่นภายใต้แพลตฟอร์มใหม่ในชื่อ Intel® Evo™

ข้อมูลสำคัญ

  • อินเทลเปิดตัวโปรเซสเซอร์ใหม่ตระกูล Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 11 ที่มาพร้อมการ์ดจอกราฟิก Intel® Iris® Xe โดยโปรเซสเซอร์ที่ดีที่สุดในโลกนี้เหมาะสำหรับแล็ปท็อปรูปลักษณ์บางเบา[1] มอบความเร็วในการสร้างสรรค์คอนเทนต์เพิ่มสูงสุดถึง 2.7 เท่า[2] ความเร็วในการทำงานด้านออฟฟิศเพิ่มขึ้นกว่า 20%[3] พร้อมเล่นและสตรีมเกมไวขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า[4] เหนือกว่าผลิตภัณฑ์คู่แข่งในสภาพแวดล้อมการใช้งานจริง
  • เปิดตัวแพลตฟอร์มแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ Intel® Evo™ เพื่อรองรับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ดีไซน์จากโปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 พร้อมด้วยชิปกราฟิก Intel Iris Xe และผ่านการรับรองตามโปรแกรมนวัตกรรม Project Athena ตรงตามสเปคในรุ่นที่สองและตามตัวบ่งชี้หลักของประสบการณ์การใช้งาน (Key experience indicators หรือ KEIs)
  • เตรียมพบกับผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 มากกว่า 150 รุ่นที่กำลังเข้าสู่ตลาด ทั้งจาก Acer, Asus, Dell, Dynabook, HP, Lenovo, LG, MSI, Razer, Samsung และผู้ผลิตรายอื่นๆ

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย 3 กันยายน 2563 – อินเทลปลดปล่อยประสิทธิภาพแล็ปท็อปยุคใหม่ ด้วยการเปิดตัวโปรเซสเซอร์เจนเนอเรชั่นถัดไปสำหรับคอมพิวเตอร์พกพา พร้อมวิวัฒนาการด้านความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ ในระบบนิเวศที่ยิ่งใหญ่ของอินเทล เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพีซีคอมพิวเตอร์แบบพกพาให้รุดหน้า โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 ใหม่ มาพร้อมชิปกราฟิก Intel Iris Xe (ชื่อรหัส “Tiger Lake”) เป็นโปรเซสเซอร์ที่ดีที่สุดในโลกสำหรับแล็ปท็อปรูปลักษณ์บางเบา พร้อมสมรรถนะเหนือกว่าใครด้านผลิตภาพเพื่อการใช้งานจริง ทั้งการทำงานร่วมกัน การสร้างสรรค์ การเล่นเกม และความบันเทิง บนแล็ปท็อปที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows และ ChromeOS

ด้วยการใช้เทคโนโลยีการประมวลผล SuperFin ใหม่ของอินเทล ทำให้โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานพร้อมมอบสมรรถนะและการตอบสนองอันเป็นเลิศในขณะที่ประมวลผลด้วยความถี่ที่สูงขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ อย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่าจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะใช้โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 อีกกว่า 150 ดีไซน์จากพันธมิตรหลายราย เช่น Acer, Asus, Dell, Dynabook, HP, Lenovo, LG, MSI, Razer, Samsung และผู้ผลิตรายอื่นๆ

นอกจากนี้ อินเทลยังเปิดตัวแพลตฟอร์มแบรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อ Intel Evo สำหรับแล็ปท็อปที่ออกแบบและได้รับการรับรองตามสเปครุ่นที่สองและตามตัวบ่งชี้หลักของประสบการณ์การใช้งาน (KEIs) ของโปรแกรมนวัตกรรม Project Athena เพียงมองหาเครื่องหมาย Intel Evo ผู้ใช้งานก็สามารถมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ดังกล่าวใช้ขุมพลังจากโปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 พร้อมชิปกราฟิก Intel Iris Xe และผ่านการรับรองแล้วว่าเป็นแล็ปท็อปที่จะมอบประสิทธิภาพการทำงานที่ดีที่สุด[5] โดยจะมีผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมสัญลักษณ์ Intel Evo กว่า 20 รุ่นวางจำหน่ายในท้องตลาดก่อนสิ้นปีนี้

เกรกอรี ไบรอันท์ รองประธานบริหารอินเทลและผู้จัดการทั่วไปกลุ่มผลิตภัณฑ์ประมวลผลคอมพิวเตอร์ลูกข่าย กล่าวว่า “โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 ที่มาพร้อมกราฟิก Intel Iris Xe เป็นการก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่ด้านประสิทธิภาพโปรเซสเซอร์ในโลกการใช้งานจริง และถือเป็นโปรเซสเซอร์ที่ดีที่สุดที่เราเคยสร้างมา ไม่ว่าคุณต้องการเพิ่มพลังการสร้างสรรค์คอนเทนต์ มองหาความบันเทิง หรือการเล่นเกมเปี่ยมอรรถรส พลังของ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบทางวิศวกรรมร่วมกันและผ่านการรับรอง Intel Evo จะมอบประสบการณ์แล็ปท็อปที่ดีที่สุดให้กับคุณ”

 

เปิดตัว Intel Evo

อินเทลยังคงเป็นผู้นำในระบบนิเวศคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมในทุกแพลตฟอร์มและมอบประสบการณ์การใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุด แบรนด์แพลตฟอร์มใหม่ Intel Evo เป็นสัญลักษณ์ของแล็ปท็อปที่ดีที่สุดที่ออกแบบมาให้คุณได้โฟกัสกับทุกงานจนสำเร็จลุล่วงในทุกสถานการณ์ ด้วยโปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 พร้อมชิปกราฟิก Intel Iris Xe ที่ผ่านวิธีการทดสอบที่เข้มข้นตามข้อกำหนดรุ่นที่สองและตัวบ่งชี้หลักประสบการณ์ (KEIs) ของ Project Athena ทำให้อินเทลและเหล่าพันธมิตรด้านวิศวกรรมได้ร่วมกันยกระดับมาตรฐานใหม่ของประสบการณ์การใช้งานแล็ปท็อปอีกครั้งหนึ่ง

Intel introduces the Intel Evo platform brand for laptop designs verified to the second-edition specification and key experiences of the Project Athena innovation program on Sept. 2, 2020. All Intel Evo platform designs are powered by 11th Gen Intel Core i7 or i5 processors with Intel Iris Xe graphics, feature best-in-class wireless and wired connectivity with Thunderbolt 4 and Intel Wi-Fi 6 (Gig+), and deliver exceptional audio and display to make each experience premium. (Credit: Intel Corporation)

ด้วยการวัดผลการใช้งานภายใต้สภาวะของโลกการใช้งานจริงเพื่อมุ่งสร้างประสิทธิภาพและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่มั่นคงสม่ำเสมอ ทำให้วิธีการทดสอบและวัดผลที่เป็นเอกลักษณ์ของอินเทลเป็นเครื่องบ่งชี้ที่แม่นยำถึงประสิทธิภาพการทำงานจริงของแล็ปท็อป แล็ปท็อปที่ได้รับการยืนยันด้วยเครื่องหมาย Intel Evo จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบตรงตามหรือเหนือกว่าข้อกำหนดและตัวบ่งชี้หลักประสบการณ์ (KEIs) เท่านั้น โดยข้อกำหนดขั้นพื้นฐานตามเป้าหมายของ KEI ได้แก่:

  • แบตเตอรี่ให้การตอบสนองอย่างคงเส้นคงวา[6]
  • เปิดใช้งานระบบจากโหมด Sleep ภายในไม่ถึง 1 วินาที
  • อายุการใช้งานแบตเตอรี่ในสภาพแวดล้อมจริงเท่ากับหรือมากกว่า 9 ชั่วโมง สำหรับระบบที่ใช้จอแสดงผลความละเอียดระดับ FHD[7]
  • ชาร์จเร็วในเวลาน้อยกว่า 30 นาที เพื่ออายุการใช้งานนานสูงสุดถึง 4 ชั่วโมง สำหรับระบบที่ใช้จอแสดงผลความละเอียดระดับ FHD[8]

แพลตฟอร์ม Intel Evo ยังมาพร้อมคุณสมบัติการเชื่อมต่อแบบมีสายและไร้สายที่ดีที่สุดในบรรดาคู่แข่ง[9] และรองรับการเชื่อมต่อเคเบิลมาตรฐานสากล Thunderbolt™ 4 และ Intel® Wi-Fi 6 (Gig+) ในตัว รวมถึงระบบเสียง กล้อง และจอแสดงผลคุณภาพสูง ทั้งหมดนี้ในอยู่ในรุปลักษณ์ที่สวยงามและบางเบาเพื่อประสบการณ์ใช้งานระดับพรีเมียม สำหรับข้อกำหนดเป้าหมายของรุ่นที่สองและขั้นตอนในการรับรอง โปรดดูจากเอกสารข้อมูล Intel Evo

โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 พร้อมกราฟิก Intel Iris Xe

โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 พร้อมชิปกราฟิก Intel Iris Xe เป็นโปรเซสเซอร์ที่ดีที่สุดในโลกสำหรับแล็ปท็อปรูปลักษณ์บางเบา ทั้งบนระบบปฏิบัติการ Windows และ ChromeOS โดยโปรเซสเซอร์ในเจนเนอเรชั่นนี้เป็นตัวแทนของความมุ่งมั่นครั้งสำคัญที่สุดของอินเทลในการสรรค์สร้างระบบบนชิปประมวลผล (System-on-chip หรือ SoC) ที่จะก้าวกระโดดไปไกลกว่าการผลัดเปลี่ยนเจอเนอเรชั่น ทั้งในด้านประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีที่สุดของการใช้งานแล็ปท็อป U-series ไม่ว่าจะเป็นเพื่อผลิตภาพ งานสร้างสรรค์ การเล่นเกม ความบันเทิง หรือการทำงานร่วมกัน คุณสมบัติในตัวอันหลากหลายจะช่วยขับเคลื่อนแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์รูปลักษณ์บางเบาที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) การเร่งความเร็วปัญญาประดิษฐ์ (AI acceleration) การเพิ่มประสิทธิภาพซอฟต์แวร์ และสมรรถนะของแพลตฟอร์ม ที่จะมามอบประสิทธิผลสูงสุดในการใช้งานจริง บนแอปพลิเคชันและฟีเจอร์ต่างๆ ที่ผู้คนนิยมเรียกใช้งานบ่อยที่สุด

Intel launches nine new 11th Gen Intel Core processors with Intel Iris Xe graphics (code-named “Tiger Lake”) on Sept. 2, 2020. They are the world’s best processors for thin-and-light laptops with unmatched capabilities for real-world productivity, collaboration, creation, gaming and entertainment across Windows and ChromeOS-based laptops. (Credit: Intel Corporation)
  • การทำงานร่วมกันอย่างหลากหลาย – โปรเซสเซอร์เจนเนอเรชั่น 11 เพื่อการทำงานร่วมกันที่ดีที่สุด พร้อมยกระดับประสบการณ์เฉพาะบุคคลอย่างสมจริงด้วย AI ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มคุณภาพเสียงด้วยการออฟโหลด CPU และลดเสียงรบกวนเบื้องหลังด้วย Intel Gaussian และ Neural Accelerator 2.0 (Intel GNA) การเบลอภาพพื้นหลังและประมวลวิดีโอความละเอียดสูงมาก ที่เร่งด้วย AI หรือการถอดรหัสสัญญาณวิดีโอล่าสุด พร้อมด้วย Intel® Wi-Fi 6 (Gig+) ในตัว ซึ่งเป็นเทคโนโลยี Wi-Fi ที่ดีที่สุดเพื่อการประชุมทางวิดีโอ[10] โดยทั้งหมดนี้อยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์พกพาสุดบางเบา
  • ผู้นำประสิทธิภาพด้านผลิตภาพ – ด้วยประสิทธิภาพของโปรแกรมผลิตภาพสำหรับการทำงานออฟฟิศที่เร็วขึ้นกว่าเดิมกว่า 20% เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ของคู่แข่ง ในขั้นตอนการใช้งานจริงบนแล็ปท็อปของผู้คนในแต่ละวัน และรองรับ Thunderbolt 4 ในตัวพร้อมกันสูงสุดถึงสี่พอร์ต ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์นานาประเภท และยังสามารถชาร์จเร็ว ต่อจอภาพภายนอก หรือต่อพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติมได้ผ่านสายเคเบิลเพียงเส้นเดียว
  • การสร้างสรรค์คอนเทนต์ขั้นสูง – ตกแต่งรูปภาพเร็วขึ้นสูงสุด 2.7 เท่าในการใช้งานจริง ตัดต่อวิดีโอได้เร็วกว่าสูงสุด 2 เท่า[11] เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์คู่แข่ง รองรับจอภาพ 8K HDR หรือจะต่อจอภาพ 4K HDR พร้อมกันสูงสุดสี่จอก็ได้
  • ความบันเทิงสมจริงเต็มอิ่ม – โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 จะรองรับ Dolby Vision ด้วยฮาร์ดแวร์เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรม มอบประสบการณ์รับชมที่สมจริงกว่าและปรับปรุงระดับพลังงานของระบบ 20% โดยประมาณเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ช่วยให้รับชมการสตรีมวิดีโอได้นานขึ้นหนึ่งชั่วโมงเมื่อใช้งานบนแบตเตอรี่[12]
  • ประสบการณ์การเล่นเกมรูปแบบใหม่ – เพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมสูงสุดถึง 2 เท่าจากเจนเนอเรชั่นก่อน[13] และเป็นครั้งแรกที่จะเล่นเกมชื่อดังอย่าง Borderlands 3, Far Cry New Dawn, Hitman 2 และเกมอื่นๆ ได้ทันทีที่ความละเอียด 1080p ปลดล็อกและแชร์ความสำเร็จกับเพื่อนๆ ด้วยคุณสมบัติการเล่นเกมพร้อมกับสตรีมเกมที่เร็วกว่าผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งเกินกว่า 2 เท่า สัมผัสประสบการณ์ทั้งหมดนี้ได้จากระบบกราฟิก Intel Iris Xe ในตัว อยู่ในดีไซน์ที่บางเบา

 

พานอส พาเนย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ไมโครซอฟท์ กล่าวว่า “โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 11 ใหม่ พร้อมกราฟิก Iris® Xe จะมอบประสิทธิภาพและการตอบสนองที่น่าทึ่งแก่ผู้ใช้ Windows ทั่วโลกให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและรับประสบการณ์บันเทิงได้มากขึ้นในทุกๆ วันไปอีกยาวนาน”

จอห์น โซโลมอน รองประธาน ChromeOS กล่าวว่า “จากความร่วมมือกันอย่างยาวนานและแน่นแฟ้นระหว่างอินเทลกับกูเกิล ทำให้เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพด้านประสบการณ์ผู้ใช้งาน เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะนำเสนอ Chromebook รุ่นถัดไปที่ขับเคลื่อนโดย Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 ออกสู่ตลาด”

 

คุณสมบัติที่ปรับแต่งมาในตัวเพื่อแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์บางเบาที่ดีที่สุด

ตามรายละเอียดที่กล่าวไว้ในงาน Architecture Day 2020 ว่าสถาปัตยกรรม CPU ใหม่รุ่น Willow Cove และกราฟิก Intel® Xe ที่ผลิตบนเทคโนโลยีการประมวลผล SuperFin ใหม่ของอินเทลจะมาสร้างปรากฏการณ์ความถี่สูงสุดถึง 4.8 Ghz และพัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงานพร้อมกับเปิดใช้งานอุปกรณ์ประมวลผลพิเศษ ตัวเร่งความเร็ว และการปรับแต่งประสิทธิภาพซอฟต์แวร์ ซึ่งทั้งหมดอยู่บน SoC ในตัว โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 จะมอบการผสมผสานที่ดีที่สุดของนวัตกรรมอุปกรณ์การประมวลผล พร้อมสำหรับทุกเวิร์กโหลดในสภาพการใช้งานจริง ได้แก่:

  • กราฟิก Intel Iris Xe ใหม่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าร้อยละ 90 ของบรรดาการ์ดจอแยกที่นำมาจับคู่เพื่อใช้งานในเซ็กเมนต์นี้[14] และมอบประสิทธิภาพสูงสุด 96 EUs และสูงสุด 16MB ของ L3 cache
  • ชุดคำสั่งแรกสำหรับการอนุมานบนนิวรัลเน็ตเวิร์ก (neural network) อยู่ในกราฟิกในตัว มาพร้อม Intel® DL Boost: DP4a และเป็นครั้งแรกที่รองรับประเภทข้อมูล INT8 แบบเนทีฟ มอบประสิทธิภาพ AI ที่ดีขึ้นสูงสุด 5 เท่า[15]
  • การเพิ่มความปลอดภัยด้วยฮาร์ดแวร์พร้อมเทคโนโลยีในตัว Intel® Control Flow Enforcement Technology (CET) และ Intel® Total Memory Encryption
  • รองรับ AV1 CODEC ประสิทธิภาพสูง ที่สามารถใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับความละเอียดระดับ 4K แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีแบนด์วิธจำกัด
  • ครั้งแรกสุดที่มีโซลูชันการประมวลผลรูปภาพเพื่อเปิดใช้งานการรับรู้ทัศนวิสัยและปรับลดแสงได้อัตโนมัติ
  • การเชื่อมต่อ Thunderbolt 4 ที่ดีที่สุด รองรับสูงสุดถึงสี่พอร์ต พร้อมเชื่อมต่อเคเบิลมาตรฐานสากลที่ใช้ชาร์จไฟ ถ่ายโอนข้อมูล และวิดีโอ
  • ครั้งแรกของ SoC สำหรับเครื่องลูกข่ายพกพาที่มีอินเทอร์เฟซ PCIe Gen 4 ต่อกับ CPU สูงสุดสี่เลน

 

ด้วยประสิทธิภาพที่ปรับสเกลได้ ในรูปแบบดีไซน์การระบายความร้อนตั้งแต่ขนาด 7 ถึง 28 วัตต์ และการกำหนดค่าโปรเซสเซอร์แตกต่างกันเก้าสเปคบนการออกแบบแพ็คเกจสองดีไซน์ เพื่อความยืดหยุ่นด้านฟอร์มแฟคเตอร์ และให้ความถี่เทอร์โบสูงสุด 4.8 GHz ทำให้โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 สามารถมอบความเร็วคอร์เดี่ยวที่เพียงพอสำหรับเวิร์กโหลดขั้นสูง ในแล็ปท็อปรูปลักษณ์สุดบางเบา

สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 11th Gen Intel Core and Intel Evo Launch