วันนี้วันที่ 1 กรกฎาคม เป็นวันที่โรงเรียนต่างๆ จะเริ่มกลับมาเปิดการเรียนการสอนตามปกติอีกครั้ง แต่ด้วยสถานการณ์ของไวรัส COVID-19 ที่กระทบทั่วโลก ทำให้การใช้ชีวิต รวมถึงหนึ่งหลายสิ่งหลายอย่างรอบตัวเราต้องเฝ้าระวังให้มากขึ้น จนกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า New Normal ผู้คนส่วนใหญ่เมื่อใช้ชีวิตในสังคม จะต้องเว้นระยะห่างทางสังคมให้มากขึ้น (social distancing) นั่นเอง
ทำให้ทางโรงเรียนหลายแห่งจะต้องมีการปรับแผนการเรียนการสอนใหม่ เพื่อให้มีการเว้นระยะห่างทางสังคมในห้องเรียนมากขึ้น และเพื่อให้ผู้ปกครองสบายใจว่าเด็กๆ จะถูกดูแลได้อย่างดี และปลอดภัย เมื่อลูกหลานของเราไปเรียนหนังสือกับเพื่อนที่โรงเรียน
ดังนั้นวันนี้เว็บไซต์ TouchPhoneView.com ขอแนะนำ วิธีการเรียนออนไลน์ ตามนโยบายรัฐบาลอย่างง่ายๆ เพื่อให้พ่อแม่ หรือผู้ปกครองสามารถนำวิธีไปใช้ และทำความเข้าใจกับระบบการเรียนการสอนรูปแบบใหม่แบบ New Normal โดยขอยกเคสตัวอย่างจาก โรงเรียนหอวัง ที่ประกาศคู่มือการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ออกมาแล้วในวันนี้ครับ ซึ่งมีการปรับให้เข้ากับยุคนี้อย่างรวดเร็ว
สิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับเรียนออนไลน์
อุปกรณ์ที่ควรมีเพื่อใช้เรียนออนไลน์ อย่างแรกแนะนำว่าควรเป็น คอมพิวเตอร์ ครับ (จะคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ หรือโน้ตบุ๊คก็ได้เช่นกัน) เพราะเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะกับการทำงาน และการเรียนมากที่สุด มีหน้าจอขนาดใหญ่ และมีคีย์บอร์ดสำหรับพิมพ์โต้ตอบ หรือทำงานได้สะดวกที่สุด
ส่วนใครที่ไม่สะดวกคอมพิวเตอร์ จะใช้มือถือ สมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต ก็ได้เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ทางรัฐบาลยังสร้างแพลตฟอร์มสำหรับการเรียนรู้ทางไกลผ่านดาวเทียมที่เรียกว่า DLTV ดังนั้นอุปกรณ์อีกอย่างที่ควรมีก็คือ โทรทัศน์ ที่รองรับทีวีดิจิทัล ครับ
และสิ่งที่สำคัญอีกอย่างก็คือ อินเทอร์เน็ต นั่นเอง เพราะการใช้งานคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต จำเป็นต้องอินเทอร์เน็ตสำหรับการเชื่อมต่อออนไลน์ด้วย แนะนำว่าควรเป็นอินเทอร์เน็ตบ้าน เพราะการเรียนบางครั้งอาจต้องมีการรับชมสื่อการเรียนการสอนที่เป็นวีดีโอสตรีมมิ่ง ซึ่งใช้ดาต้าค่อนข้างสูง การใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือที่มีปริมาณจำกัด อาจทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากกว่าการติดอินเทอร์เน็ตบ้าน แนะนำว่าแค่ใช้แพ็คเกจ 3-4 ร้อยต่อเดือนก็เพียงพอแล้วครับ ไม่จำเป็นต้องติดแพงมากเกินไป เพราะอาจเกินความต้องการ
สิ่งที่ผู้ปกครองต้องเตรียมตัว
การเรียนออนไลน์ของโรงเรียนแต่ละแห่งอาจแตกต่างกันตามปัจจัยต่างๆ แต่สำหรับการเรียนออนไลน์ของโรงเรียนหอวังนี้ จะใช้การสลับกันมาเรียนตามเลขที่คู่-คี่ครับ โดยจะสลับกันในแต่ละสัปดาห์ ทำให้นักเรียนทุกคนจะได้มาเรียนหนังสือที่โรงเรียน และเรียนผ่านออนไลน์คนละเท่าๆ กัน นั่นเป็นการทดลองเพื่อให้ได้จุดลงตัวที่ดีที่สุด
ซึ่งขณะที่นักเรียนมีการเรียนออนไลน์ที่บ้าน สิ่งที่ผู้ปกครองควรสนับสนุนบุตรหลาน ก็คือการช่วยจัดเวลาเรียนให้สอดคล้องกับตารางเรียนออนไลน์ที่โรงเรียนจัดเอาไว้ให้ พร้อมช่วยแนะนำบุตรหลานให้ทำแบบฝึกหัด หรือใบงาน ตามที่ครูมอบหมาย โดยตารางเรียนในแต่ละชั้นปี ผู้ปกครองจะต้องศึกษาว่าวันไหนลูกหลานของเราจะมีการเรียนการสอนบ้าง
รวมถึงต้องเฝ้าสังเกตนักเรียนว่ายังสนใจการเรียนอยู่หรือไม่ และหากเด็กๆ มีความเมื่อยล้า เพราะใช้สายตามองจอมากเกินไป ควรแบ่งเวลาพักสายตา ให้ไปทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ อย่างการออกกำลังกาย หรือช่วยงานบ้าน ก็จะได้ประโยชน์ที่มากยิ่งขึ้น
สิ่งที่นักเรียนต้องเตรียมตัว
สำหรับนักเรียนที่จะเรียนออนไลน์ ควรติดตามสอบถามจากโรงเรียนให้ชัดเจนว่าเราจะสามารถเข้าถึงสื่อการเรียนการสอนได้อย่างไร เพราะในแต่ละที่อาจใช้แพลตฟอร์มที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น Google Classroom (ได้รับความนิยมที่สุด), Line, Facebook, Zoom, Hangouts หรือ Discord เป็นต้น
Google Classroom
นอกจากนี้นักเรียนที่เรียนออนไลน์ ควรเตรียมใจให้พร้อมต่อการศึกษาที่บ้าน ซึ่งไม่เหมือนที่โรงเรียน โดยเฉพาะเด็กเล็กในระดับประถม – มัธยมต้น เพราะมีหลายสิ่งที่ดึงสมาธิของเราออกไปจากการเรียนได้ง่าย ดังนั้นควรตั้งใจเรียนให้มากกว่าที่เคยทำในห้องเรียน อีกทั้งสถานที่ต้องเหมาะสม เพราะบางบ้านไม่ได้มีห้อง หรือเด็กเล็กเกินไป แต่นั่นต้องมีการปรับตัวเพื่อลองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
และที่สำคัญการเรียนออนไลน์นั้น จะต้องใช้สายตาเป็นเวลานาน ดังนั้นเมื่อรู้สึกเมื่อยล้า ควรแจ้งผู้ปกครองเพื่อขอพักสายตาเป็นระยะ เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพนั่นเอง
สรุปแล้ว การเรียนออนไลน์ ถือเป็นเรื่องใหม่ที่ทุกคนในสังคม โดยเฉพาะบ้านที่มีบุตรหลานกำลังอยู่ในวัยเข้าเรียนต้องปรับตัวไปพร้อมๆ กัน โดยผู้ปกครองอาจต้องใช้เวลากับการสนับสนุนลูกหลานให้มากขึ้นกว่าที่เคย อย่างน้อยก็จนกว่าโรคโควิด-19 จะหมดไปจากสังคม หรือมีวัคซีนรักษาที่ใช้งานได้จริง เป็นไปได้ว่าโลกของเราจะกลับมาเป็นปกติเหมือนที่ผ่านมาอีกครั้ง หรือ จะถูกปรับมาอย่างต่างประเทศ เหมือนเมื่อก่อนเราไม่คล่องในการซื้อของ online แต่ปัจจุบันในมือถือของทุกคนน่าจะมีแอพพลิเคชั่น ในการซื้อของ หรือสั่งอาหารมากกว่า 1 แอพพลิเคชั่น