Site icon TOUCHPHONEVIEW

Apple Watch Ultra เผยโฉมดีไซน์ใหม่สุดล้ำพร้อมด้วยความสามารถที่ล้ำสุดๆ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากกิจกรรมเอ็กซ์ตรีม

Apple เปิดตัว Apple Watch Ultra ในดีไซน์ใหม่ที่โดดเด่นสะดุดตา พร้อมหลากหลายคุณสมบัติที่สร้างมาสำหรับกิจกรรมที่เน้นความทนทานของร่างกาย การสำรวจ และการผจญภัย Apple Watch Ultra มาในตัวเรือนไทเทเนียม 49 มม. และด้านหน้าแบบผลึกแซฟไฟร์ที่แบนเรียบ เผยให้เห็นจอภาพ Apple Watch ที่ใหญ่และสว่างที่สุดเท่าที่เคยมีมา อีกทั้งยังมีปุ่มการทำงานที่ปรับแต่งได้สำหรับเรียกใช้หลายคุณสมบัติที่มีประโยชน์ได้ในทันที นอกจากนี้ Apple Watch Ultra ยังมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานที่สุดในบรรดา Apple Watch โดยใช้งานได้นานสูงสุด 36 ชั่วโมง สำหรับการใช้งานปกติ1 และมีการตั้งค่าประหยัดพลังงานเพิ่มมาใหม่ ซึ่งสามารถยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ได้นานสูงสุดถึง 60 ชั่วโมง ซึ่งเหมาะสำหรับกิจกรรมที่กินเวลาหลายวัน2 ส่วนหน้าปัดนาฬิกาเวย์ไฟน์เดอร์นั้นได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับจอภาพ Apple Watch Ultra ที่ใหญ่ขึ้นโดยมีเข็มทิศที่รวมเป็นส่วนหนึ่งในหน้าปัด รวมถึงพื้นที่สำหรับใส่กลไกหน้าปัดได้สูงสุด 8 แบบ ยิ่งไปกว่านั้น Apple Watch Ultra ยังมาพร้อม 3 สายใหม่ ได้แก่ Trail Loop, Alpine Loop และ Ocean Band ซึ่งล้วนมีดีไซน์แบบเฉพาะตัวที่ช่วยคงความแน่นกระชับและใส่สบายสำหรับการผจญภัยทุกแนว

Apple Watch Ultra ทำมาจากไทเทเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ ซึ่งเป็นการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างน้ำหนัก ความทนทาน และการทนต่อการกัดกร่อน โดยที่ตัวเรือนยกสูงขึ้นมาล้อมรอบด้านหน้าแบบผลึกแซฟไฟร์ที่แบนเรียบเพื่อปกป้องจอภาพ Retina ซึ่งมีความสว่างสูงสุด 2,000 นิต หรือสว่างกว่าจอภาพของ Apple Watch ทุกรุ่นถึง 2 เท่า และยังมีปุ่มการทำงานเพิ่มมาใหม่ในสีส้มสากลที่มองเห็นเด่นชัด ซึ่งสามารถปรับแต่งได้ง่ายเพื่อเรียกใช้หลายๆ คุณสมบัติในทันที อย่างการออกกำลังกาย จุดอ้างอิงเข็มทิศ การติดตามการเดิน และอีกมากมาย
Apple Watch Ultra มาพร้อมไมโครโฟน 3 ตัวที่เพิ่มคุณภาพเสียงขณะคุยโทรศัพท์ให้ดีขึ้นมากในทุกสภาพแวดล้อม พร้อมด้วยอัลกอริทึมบีมฟอร์มมิ่งแบบปรับตามสภาวะที่ใช้ไมโครโฟนเพื่อจับเสียงพูดพร้อมๆ กับลดเสียงรอบข้าง ช่วยให้เสียงมีความชัดเจนจนต้องทึ่ง และเมื่ออยู่ในที่ที่มีลมแรง Apple Watch Ultra ก็จะใช้อัลกอริทึมสำหรับลดเสียงรบกวนจากลม ร่วมกับการเรียนรู้ของระบบเพื่อทำให้เสียงขณะคุยโทรศัพท์นั้นฟังชัด

สายแบบ Trail Loop เป็นสาย Apple Watch ที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมา และออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับนักกีฬาที่เน้นความทนทานของร่างกายและนักวิ่ง ตัวสายทำมาจากผ้าถักน้ำหนักเบาที่ทั้งนุ่มและยืดหยุ่น จึงสามารถยืดให้รัดแน่นได้พอดี พร้อมแถบดึงที่ออกแบบมาให้ปรับสายได้สะดวกรวดเร็วและง่ายดาย
สายแบบ Alpine Loop สร้างมาสำหรับนักสำรวจโดยใช้กระบวนการถักทอที่รวมผ้าสองชั้นเข้าด้วยกันจนกลายเป็นเนื้อเดียวในแบบที่ไม่ต้องมีรอยตะเข็บ ในขณะที่ห่วงคล้องด้านบนมีเส้นใยความแข็งแรงสูงสอดแทรกอยู่ทั่ว ช่วยให้ปรับสายได้อย่างยืดหยุ่น และคล้องเข้ากับตัวยึดที่เป็นตะขอรูปตัว G ได้แน่นกระชับ
สายแบบ Ocean Band ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับกีฬาเอ็กซ์ตรีมทางน้ำและการดำน้ำเชิงนันทนาการ พร้อมตัวล็อคไทเทเนียมและห่วงสปริงที่เข้ากันอย่างลงตัว ตัวสายทำมาจากยางฟลูโอโรอีลาสโตเมอร์ที่ยืดหยุ่น ซึ่งจะยืดออกและรัดเข้ากับรูปทรงแบบท่ออย่างแน่นกระชับ นอกจากนี้สายแบบ Ocean Band ยังมีปลายสายแบบยาวพิเศษให้เลือกซื้อเพิ่ม ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ใส่ทับเว็ทสูทได้สบาย

Apple Watch Ultra คือเครื่องมือที่เหนือชั้นสำหรับนักกีฬาที่เน้นความทนทานของร่างกาย หรือผู้ที่มุ่งมั่นจะก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง เพราะเป็นครั้งแรกที่ Apple Watch มาพร้อม GPS แบบสองคลื่นความถี่ที่แม่นยำ ซึ่งรวม GPS ย่าน L1 และย่านความถี่ล่าสุดอย่าง L5 เข้าด้วยกัน พร้อมด้วยอัลกอริทึมใหม่สำหรับการระบุตำแหน่ง ทั้งหมดนี้ทำให้ Apple Watch Ultra มี GPS ที่ถูกต้องที่สุดเท่าที่ Apple Watch เคยมีมา และสามารถแสดงระยะทาง เวลาเฉลี่ยต่อระยะทาง และเส้นข้อมูลสำหรับการฝึกซ้อมและแข่งขันได้อย่างแม่นยำที่สุด

Apple Watch Ultra ขับเคลื่อนด้วย watchOS 9 ซึ่งมาพร้อมค่าวัดขั้นสูงใหม่ๆ สำหรับวัดประสิทธิภาพในการวิ่ง อย่างความยาวก้าว ระยะเวลาสัมผัสพื้น การกระเด้งตัวในแนวดิ่ง และพลังงานการวิ่ง พร้อมด้วยมุมมองการออกกำลังกายใหม่ๆ เช่น เซ็กเมนต์ สปลิท และระดับความสูง ซึ่งจะแสดงค่าวัดที่สำคัญให้เห็นง่ายๆ เพียงแค่เหลือบมอง แถมยังมีจอภาพใหญ่ขึ้นด้วย ทำให้ Apple Watch Ultra เป็น Apple Watch เพียงรุ่นเดียวที่แสดงค่าวัดได้ถึง 6 ค่าพร้อมกัน นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถยกระดับการฝึกซ้อมไปอีกขั้นด้วยคุณสมบัติอย่างเช่น โซนอัตราการเต้นของหัวใจ การออกกำลังกายแบบกำหนดเอง ตัววัดเวลาเฉลี่ย และเส้นทางการแข่งขัน ซึ่งจะพร้อมให้ใช้งานภายในปีนี้ ส่วนผู้ที่เป็นนักไตรกีฬา ทวิกีฬา หรือทำกิจกรรมที่ต้องว่ายน้ำ ขี่จักรยาน หรือวิ่ง ต่อเนื่องกันไม่ว่าจะทำอะไรก่อนหลัง ก็มีการออกกำลังกายแบบมัลติสปอร์ตใหม่ ซึ่งสามารถตรวจจับแล้วสลับระหว่างการออกกำลังกายแต่ละประเภทโดยอัตโนมัติ และ Apple Watch Ultra ยังมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานพอให้ผู้ใช้ส่วนใหญ่แข่งขันไตรกีฬาระยะไกลจนจบได้ เริ่มตั้งแต่การว่ายน้ำ 3.86 กม. ต่อด้วยขี่จักรยาน 180.25 กม. และวิ่งฟูลมาราธอนระยะทาง 42.2 กม.
ปุ่มการทำงานสามารถใช้เริ่มการออกกำลังกายในทันที และข้ามไปยังช่วงอินเทอร์วัลถัดไปของการออกกำลังกายแบบกำหนดเอง หรือช่วงต่อไปของการออกกำลังกายแบบมัลติสปอร์ตได้ และยังสามารถใช้กำหนดเซ็กเมนต์ ซึ่งช่วยเติมเต็มประสบการณ์ใหม่สำหรับการวิ่งในลู่แข่ง ซึ่งจะแสดงเวลาเฉลี่ยต่อระยะทางและระยะทางโดยประมาณของแต่ละเซ็กเมนต์สำหรับนักวิ่งในลู่แข่งโดยอัตโมัติ

Apple Watch Ultra มีจอภาพที่ใหญ่ขึ้นและสว่างขึ้นในดีไซน์ที่สมบุกสมบัน จึงเป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ตอบโจทย์ของนักผจญภัยและนักสำรวจในหลากหลายสภาพแวดล้อม ตั้งแต่ปกติทั่วไปจนถึงขั้นเอ็กซ์ตรีม และยังมีแอปเข็มทิศที่ออกแบบมาใหม่หมดใน watchOS 9 ที่จะดึงข้อมูลขึ้นมาแสดงมากขึ้นใน 3 มุมมองที่แตกต่างกัน แอปสามารถแสดงมุมมองแบบผสมที่แสดงทั้งหน้าปัดเข็มทิศแบบอนาล็อกพร้อมๆ กับมุมมองแบบดิจิทัลได้ เมื่อหมุน Digital Crown ผู้ใช้จะเห็นมุมมองอื่นๆ เพิ่มเติมที่แสดงละติจูด ลองจิจูด ระดับความสูง และความชัน รวมทั้งมุมมองสำหรับการใช้เข็มทิศนำทางที่แสดงจุดอ้างอิงเข็มทิศและการติดตามการเดิน

คุณสมบัติจุดอ้างอิงเข็มทิศหรือ Compass Waypoints เป็นวิธีที่สะดวกรวดเร็วในการปักตำแหน่งหรือจุดสนใจลงในแอปโดยตรง เพียงแค่กดปุ่มการทำงานหรือแตะไอคอนจุดอ้างอิงเข็มทิศเพื่อวางจุดอ้างอิงที่สามารถแก้ไขได้โดยการแตะไอคอนที่ปรากฏขึ้นมา และยังมีกลไกหน้าปัด “จุดอ้างอิงเข็มทิศ” ที่จะอัปเดตทั้งทิศทางของจุดอ้างอิงและระยะทางโดยประมาณอยู่อย่างต่อเนื่องในแบบเรียลไทม์


คุณสมบัติการติดตามการเดินใช้ข้อมูล GPS เพื่อสร้างเส้นทางที่ผู้ใช้เดินผ่านมา ซึ่งมีประโยชน์ในกรณีที่หลงทิศหรือหลงทาง และต้องการความช่วยเหลือในการเดินย้อนกลับเส้นทางเดิม อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าให้คุณสมบัตินี้ทำงานโดยอัตโนมัติเมื่ออยู่ในพื้นที่อับสัญญาณได้ด้วย เพียงกดปุ่มการทำงานครั้งเดียว ผู้ใช้สามารถวางจุดอ้างอิงเข็มทิศได้อย่างรวดเร็ว หรือจะเริ่มหรือดูเส้นทางเดินย้อนกลับก็ได้ นอกจากนี้ยังมีเสียงไซเรนดัง 86 เดซิเบล ซึ่งออกแบบมาสำหรับเหตุฉุกเฉินในกรณีที่ผู้ใช้หลงทางหรือได้รับบาดเจ็บ และสามารถช่วยเรียกความสนใจจากตำแหน่งที่ผู้ใช้อยู่ได้ โดยเสียงไซเรนนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งจะดังเป็นรูปแบบซ้ำๆ สลับกันสองแบบ และยังได้นานหลายชั่วโมงด้วย รูปแบบแรกบ่งบอกถึงการประสบเหตุร้าย ในขณะที่รูปแบบที่สองเป็นการเลียนเสียงสัญญาณ SOS ที่ใช้กันในระดับสากล และสำหรับการสะพายเป้เที่ยวหลายวัน ยังสามารถยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ได้นานสูงสุด 60 ชั่วโมง ด้วยโหมดประหยัดพลังงาน บวกกับอีกหนึ่งการตั้งค่าประหยัดพลังงานที่จะลดความถี่ของ GPS และการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ

ช่วงอุณหภูมิในการใช้งานบนข้อมือนั้นได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยในการออกสำรวจพื้นที่สุดโหดและห่างไกล ตั้งแต่บนภูเขาอันหนาวเหน็บที่ -20° C จนถึงทะเลทรายร้อนระอุที่ 55° C4 Apple Watch Ultra ผ่านการรับรองในด้านต่างๆ ตามมาตรฐาน MIL-STD 810H ซึ่งใช้สำหรับอุปกรณ์ทางการทหารและนิยมใช้ในหมู่ผู้ผลิตอุปกรณ์ที่สมบุกสมบัน โดยในการทดสอบนั้นมีทั้งความกดอากาศต่ำ (ระดับความสูง), อุณหภูมิสูง, อุณหภูมิต่ำ, การเปลี่ยนอุณหภูมิกะทันหัน, การปนเปื้อนจากของเหลว, ฝน, ความชื้น, การแช่, ทรายและฝุ่น, การแช่แข็งพร้อมการละลาย, น้ำแข็งและฝนเยือกแข็ง, การกระแทก, การสั่นสะเทือน และอื่นๆ เมื่อหมุน Digital Crown ขณะใช้หน้าปัดเวย์ไฟน์เดอร์ อินเทอร์เฟซจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเพื่อให้มองเห็นชัดเจนยิ่งขึ้นในที่มืด ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานในช่วงเย็น

Apple Watch Ultra ได้รับการออกแบบมาสำหรับกีฬาทางน้ำ รวมถึงกิจกรรมเอ็กซ์ตรีมต่างๆ อย่างไคท์เซิร์ฟและเวคบอร์ด และการดำน้ำสกูบาเชิงนันทนาการถึงความลึก 40 เมตรด้วยแอป Oceanic+ ใหม่ และ Apple Watch Ultra ก็ได้รับการรับรอง WR100 จึงพร้อมสำหรับการผจญภัยในโลกใต้น้ำ นอกจากนี้ Apple Watch Ultra ยังได้รับการรับรอง EN13319 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล รวมถึงตัววัดความลึกที่นักดำน้ำเชิงนันทนาการทั่วโลกไว้ใจ


Apple Watch Ultra มาพร้อมแอปความลึกที่ใช้ประโยชน์จากตัววัดความลึกใหม่ และยังออกแบบมาให้มีอินเทอร์เฟซที่เข้าใจง่าย เพียงแค่เหลือบมองแอปความลึก ก็สามารถดูเวลา ความลึกปัจจุบัน อุณหภูมิน้ำ ระยะเวลาใต้น้ำ และความลึกสูงสุดที่ลงไปถึง ทั้งยังสามารถตั้งโปรแกรมปุ่มการทำงานเพื่อใช้เปิดแอปความลึกได้ทันที

แอป Oceanic+ ใหม่ได้รับการพัฒนาร่วมกับ Huish Outdoors ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านอุปกรณ์ที่ล้ำสมัยและน่าเชื่อถือสำหรับการดำน้ำเชิงนันทนาการ และนี่คือแอปที่จะเปลี่ยน Apple Watch Ultra ให้กลายเป็นไดฟ์คอมพิวเตอร์มากความสามารถ ซึ่งใช้อัลกอริทึมการลดความกดของ Bühlmann และยังมาพร้อมการวางแผนดำน้ำ ค่าวัดการดำน้ำที่อ่านง่าย การเตือนทางภาพและการสั่น ระยะเวลาที่จะไม่ติดดีคอมเพรสชั่น การเปลี่ยนระดับขึ้น รวมถึงคำแนะนำเกี่ยวกับเซฟตี้สต็อป โดยที่แอปนี้จะพร้อมให้ดาวน์โหลดจาก App Store ภายในปีนี้ นอกจากนี้แอป Oceanic+ ยังมีโปรไฟล์ผู้ใช้ที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล พร้อมด้วยรายงานสภาพต่างๆ ในปัจจุบันสำหรับการดำน้ำและข้อมูลประจำถิ่น รวมถึงสมุดบันทึกการดำน้ำที่แชร์กับเพื่อนๆ และครอบครัวได้ และยังซิงค์กับ iPhone โดยอัตโนมัติด้วย
“เรารู้สึกตื่นเต้นจริงๆ ที่ได้ร่วมมือกับ Apple เพื่อนำเอาความเชี่ยวชาญของเราในด้านสกูบาที่มีชื่อเสียงระดับโลก มารวมเข้ากับความสามารถที่ไม่เหมือนใครของ Apple Watch Ultra เพื่อเปลี่ยนนาฬิกาที่ใส่อยู่ทุกวันให้กลายเป็นไดฟ์คอมพิวเตอร์สุดล้ำ” Mike Huish ซึ่งเป็น CEO ของ Huish Outdoors กล่าว “แอป Oceanic+ จะพาผู้ใช้ Apple Watch Ultra ไปสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ที่เหนือชั้นยิ่งขึ้นขณะดำน้ำสกูบา”

Apple Watch Ultra มึครบทุกคุณสมบัติในด้านการเชื่อมต่อ กิจกรรม และสุขภาพที่ทำให้ Apple Watch เป็นสมาร์ทวอทช์ที่ขายดีที่สุดในโลก ตั้งแต่การติดตามการเต้นของหัวใจและแอป ECG และแอป Blood Oxygen จนถึงวงแหวนกิจกรรม และแอปทำสมาธิ พร้อมด้วยคุณสมบัติอื่นๆ ในด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และการนำทาง
Apple Watch Ultra มีความสามารถใหม่สุดล้ำในการติดตามค่าอุณหภูมิที่ให้ข้อมูลด้านสุขภาพของผู้หญิงอย่างละเอียดยิ่งขึ้น โดยใช้ดีไซน์แบบสองเซ็นเซอร์ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งช่วยลดความคลาดเคลื่อนที่เกิดจากสภาพแวดล้อมภายนอกและจากร่างกายเอง ยิ่งกว่านั้น ผู้ใช้ยังสามารถดูการคาดคะเนช่วงไข่ตกจากข้อมูลย้อนหลัง ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากความสามารถใหม่ๆ เหล่านี้เพื่อช่วยในเรื่องการวางแผนครอบครัว6 และการติดตามค่าอุณหภูมิยังช่วยปรับปรุงการคาดคะเนรอบเดือนให้ดียิ่งขึ้นด้วยสำหรับผู้ใช้ที่มีรอบเดือน7 นอกจากนี้ iOS 16 และ watchOS 9 ยังช่วยให้ผู้ใช้คุณสมบัติการติดตามรอบเดือนทุกคนสามารถรับการแจ้งเตือนหากประวัติรอบเดือนที่บันทึกไว้แสดงถึงความคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งอาจเป็นอาการบ่งชี้ปัญหาด้านสุขภาพบางอย่าง
Apple Watch สามารถตรวจจับเหตุรถชนอย่างรุนแรงด้วยคุณสมบัติการตรวจจับการชนกันหรือ Crash Detection ซึ่งใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวใหม่ และอัลกอริทึมแบบรวมเซ็นเซอร์ที่ล้ำสมัย เมื่อ Apple Watch ตรวจจับได้ว่าเกิดเหตุรถชนอย่างรุนแรง อุปกรณ์จะตรวจสอบกับผู้ใช้และโทรหาบริการฉุกเฉินหากพวกเขาไม่ตอบสนองหลังจากนับถอยหลังเป็นเวลา 10 วินาที ผู้ปฏิบัติการฉุกเฉินจะได้รับตำแหน่งอุปกรณ์ของผู้ใช้ ซึ่งจะแชร์กับรายชื่อติดต่อฉุกเฉินของผู้ใช้ด้วย

Apple Watch Ultra จะพร้อมให้สั่งซื้อในเร็วๆ นี้ในราคา 31,900 บาท

ที่มา Apple

Exit mobile version