“เอ้ก ดิจิทัล” ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 25% พร้อมโชว์ Use Case ช่วยยกระดับธุรกิจลูกค้า-เพิ่มศักยภาพการเติบโต ด้วย GenAI, Media a Convergence และ MarTech
เอ้ก ดิจิทัล ผู้นำธุรกิจด้านวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ให้บริการสื่อโฆษณาครบวงจรและการให้คำปรึกษาด้านการตลาดดิจิทัลสัญชาติไทย เปิดกลยุทธ์ “2024 Deep Tech Revolution: catalyzing growth with AI, Media and MarTech” ใช้ AI, ดาต้า, และเทคโนโลยีขั้นสูง เพิ่มขีดความสามารถทุกบริการเต็มรูปแบบ ลุยต่อยอดพัฒนาบริการใหม่ พร้อมรุกสร้างการเติบโตทุกมิติ ผ่านการทำงานเชิงรุก 6 ด้าน ได้แก่ มุ่งใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ, ขยายฐานลูกค้าใหม่, เพิ่มขีดความสามารถด้าน AI ให้กับบุคลากร, ผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีชั้นนำ, นำเสนอโซลูชัน AI ที่ใช้งานง่าย และขยายบริการที่ปรึกษาด้านมีเดียและมาร์เทค โซลูชัน พร้อมโชว์ Use Case ที่ใช้ Generative AI, Media Convergence และ MarTech สำหรับธุรกิจเพื่ออัพสปีดการดำเนินงานและเพิ่มศักยภาพการเติบโตแบบวัดผลได้ ปักธงสิ้นปี 2024 รายได้เติบโต 25% พร้อมก้าวสู่ผู้นำด้าน AI, Data-Driven Solutions, Media และ MarTech ในประเทศไทย
ดร.ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด กล่าวว่า “ในปี 2023 เอ้ก ดิจิทัล สามารถสร้างรายได้ทะลุ 2,200 ล้านบาท เติบโตจากปี 2022 ถึง 32% ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินงานที่โดดเด่นของ 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจ Analytics AI and Consultation ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกด้วย AI แก่ธุรกิจต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ธุรกิจเข้าใจข้อมูลของลูกค้า ข้อมูลภายในองค์กร พฤติกรรมตลาด และแนวโน้มต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น, ธุรกิจ Media Convergence มุ่งผสานช่องทางสื่อต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ทั้งสื่อออนไลน์ สื่อในห้างค้าปลีก สื่อนอกบ้าน และกิจกรรมส่งเสริมการขายในห้าง เพื่อสร้างประสบการณ์ไร้รอยต่อให้ผู้บริโภค พร้อมช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงลูกค้าได้หลายช่องทาง และธุรกิจ MarTech Solution นำเทคโนโลยีมาช่วยธุรกิจเพิ่มประสิทธิภาพด้านการตลาด การดำเนินงาน และเข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้น ผ่านช่องทางการสื่อสาร SMS LINE รวมถึงเชื่อมโยงกับโมบายแอปพลิเคชัน และเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) โดยเอ้ก ดิจิทัลสามารถส่งมอบผลงานที่ตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละองค์กรได้อย่างเหนือชั้น มีการพัฒนาและขยายบริการตลอดปี ปัจจุบันได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ารวมกว่า 400 แบรนด์ สำหรับในปีนี้ เราจะเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องให้กับบริษัทฯ และธุรกิจของคู่ค้า ด้วยศักยภาพด้านเทคโนโลยี บริการที่มีความ Unique และอีโคซิสเต็มที่แข็งแกร่งของทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ ภายใต้กลยุทธ์ “2024 Deep Tech Revolution: catalyzing growth with AI, Media and MarTech” เดินหน้าผลักดันทุกธุรกิจสู่อนาคตที่เติบโต ด้วยบริการด้านวิเคราะห์ดาต้า, มีเดีย และมาร์เทค โซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยดาต้า, AI และเทคโนโลยีขั้นสูง
โดยกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจปีนี้ คือ การใช้ศักยภาพ AI และ Generative AI ที่เหนือกว่า มาเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันทุกมิติ รวมถึงพัฒนาบริการใหม่ๆ โดยวางการทำงานเชิงรุกไว้ 6 ด้าน ได้แก่
1. มุ่งใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ โดยจะพัฒนาบริการใหม่ที่ช่วยยกระดับธุรกิจคู่ค้าในมิติต่าง ๆ
2. ขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งในและต่างประเทศ
3. เพิ่มขีดความสามารถด้าน AI ให้กับบุคลากร พร้อมดึงดูดคนรุ่นใหม่มาร่วมงาน
4. ผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีที่เป็นกลุ่มสตาร์ทอัป และมหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย
5. นำเสนอโซลูชัน AI ที่ใช้งานง่าย เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงและสามารถใช้งานโซลูชันได้แม้ไม่มีทักษะเฉพาะทาง
6. ขยายบริการที่ปรึกษาด้านมีเดียและมาร์เทค โซลูชัน โดยเน้นนำ AI มาเพิ่มศักยภาพของบริการ ซึ่งทั้ง 3 ธุรกิจหลักจะนำกลยุทธ์และแผนเหล่านี้ไปดำเนินงานในปีนี้”
นายวรภัทร งามเจตวรกุล ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจ Analytics AI and Consultation บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด กล่าวว่า “การใช้ข้อมูล จัดเก็บ และวิเคราะห์บิ๊กดาต้ายังคงเป็นเทรนด์ที่ภาคธุรกิจทั่วโลกให้ความสำคัญ และต่างมองหาตัวช่วยทั้งด้าน AI เทคโนโลยี และบริการต่างๆ ที่สามารถหาผลลัพธ์และให้คำแนะนำได้แบบเฉพาะเจาะจง ลึก ง่าย และรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
การตัดสินใจทางธุรกิจ เอ้ก ดิจิทัล จึงจับอินไซต์นี้ มาวางแผนรุกตลาดในปีนี้ โดยมุ่งตอบโจทย์ทุกธุรกิจด้วยการผสานพลัง AI กับทีมผู้เชี่ยวชาญที่เป็นกลุ่มนิวเจนเนอเรชัน 4D (D-Data scientist, D-Data engineer, D-Data analyst, D-Data visualization) พร้อมบริการข้อมูล 720 องศา ผ่าน 3 แผนการดำเนินงานหลักได้แก่
1. Advanced Analytics เพิ่มศักยภาพการวิเคราะห์บิ๊กดาต้าและการให้คําแนะนํากลุ่มค้าปลีกที่ลงลึกและรวดเร็วขึ้นด้วย AI
2. Client-base Expansions ขยายฐานลูกค้าสู่ธุรกิจขนาดกลาง-เล็กด้วยการเพิ่มโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจแต่ละขนาดในราคาที่เข้าถึงได้
3. Analytics as a Service เข้าใจโจทย์แต่ละธุรกิจเชิงลึก ผนวกกับ AI ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับธุรกิจนั้นๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
พร้อมต่อยอดเทคโนโลยี AI สู่บริการใหม่ที่ใช้งานง่ายและตอบโจทย์ ซึ่งเอ้ก ดิจิทัลแสดงตัวอย่าง Use Case และโซลูชันด้านธุรกิจค้าปลีก (EGG Retail Studio – ERS) ได้แก่ 1) EGG AI Wrap ที่ใช้ AI และ LLM (Large Language Model) วิเคราะห์ข้อมูลออกมาเป็นบทสรุปเชิงลึกที่เข้าใจง่ายและนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว และ 2) EGG AI Talk ที่สามารถป้อนคำถาม คำสั่ง ให้หาคำตอบในประเด็นต่าง ๆ ออกมาเป็นภาษาที่เฉพาะเจาะจงกับธุรกิจคู่ค้าได้อย่างตรงประเด็น เช่น การเช็คยอดขายรายกลุ่ม รายสินค้า ในช่วงเวลาต่างๆ ช่องทาง สาขา ไปจนถึงพฤติกรรมการจับจ่ายของลูกค้าสมาชิกที่สามารถจำแนกประเภทลูกค้าเป็นกลุ่มได้ โดย Generative AI แบบฉบับเฉพาะของบริษัทฯ จะสามารถเรียนรู้บริบทของธุรกิจนั้นๆ ได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดสู่การพยากรณ์ผลลัพธ์ที่แม่นยำยิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ โดยเอ้ก ดิจิทัลวางแผนจะเปิดตัวบริการดังกล่าวภายในปีนี้”
นายชัชพล องนิธิวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจ Media Convergence บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด กล่าวว่า “เรากำลังอยู่ในยุค PHYGITAL ที่ผู้บริโภคใช้ชีวิตแบบผสมผสานระหว่างโลกดิจิทัลและโลกจริง มีพฤติกรรมหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น (Multi-Persona) โดยการตัดสินใจบนโลกออนไลน์ทั้งการเลือกเสพสื่อไปจนถึงการซื้อสินค้านั้นจะเกิดขึ้นถี่และผ่านไปไวมากกว่าแต่ก่อน (Micro-Moments) โดยผู้บริโภคจะเลือกมีส่วนร่วมเฉพาะกับสิ่งที่ตรงใจและเกี่ยวข้องกับตัวเองเท่านั้น จึงทำให้เกิดชุมชนใหม่ๆ ที่มีความชอบเหมือนกัน (Subculture) ทำให้ Short Form VDO และสื่ออย่างอินฟลูเอนเซอร์ KOLs/KOC เติบโตเร็วและมีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างเห็นได้ชัด แต่ในขณะเดียวกันผู้บริโภคยุคนี้ยังมองหา Third Place นอกจากที่บ้านและที่ทำงานเพื่อพบปะสังคมและได้รับประสบการณ์จริงจากการซื้อสินค้าที่หน้าร้าน ซึ่งให้ประสาทสัมผัสทั้งห้า (Multisensory) และความมั่นใจ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่โลกออนไลน์ทดแทนไม่ได้ เอ้ก ดิจิทัลจึงรุกตลาดผ่านแนวทาง Media Convergence ซึ่งรวมตั้งแต่
1. การดึงศักยภาพของ First Party Data ข้อมูลขนาดใหญ่ที่รวบรวมพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าจากพันธมิตรห้างค้าปลีกที่มีฐานสมาชิกกว่า 15 ล้านคน และข้อมูล Third Party Data ด้วยเทคโนโลยีและความสามารถในการวิเคราะห์ มาใช้ในการวางแผนการตลาดให้ตอบโจทย์แบรนด์ได้อย่างตรงจุด
2. นำอินไซต์ที่ได้มาต่อยอดการสื่อสารสร้างคอนเทนต์ให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย (Insight-led Creative and Communication)
3. เติมเต็มการสื่อสารด้วยการใช้สื่อ O4 (Online, Out-of-Home, On-Premise, and On-Ground Activation)
พร้อมแนะนำสัดส่วนที่เหมาะสมตั้งแต่การทำการตลาดผ่านสื่อดิจิทัลแบบเฉพาะกลุ่มและแม่นยำ (Personalized and Precision Marketing), กระตุ้นความต้องการด้วยอินฟลูฯ KOLs/KOC เชื่อมต่อกับผู้บริโภคด้วยสื่อ DOOH หรือ Shoppers’ Digital Screen ซึ่งตั้งอยู่หน้าห้างค้าปลีกบนพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญทุกภูมิภาค และปิดการขายด้วยสื่อ ณ จุดขาย ที่ชั้นวางสินค้าและกิจกรรมในห้างเพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อ ดังนั้น Media Convergence ที่ผสานจุดแข็งทั้ง 3 ข้อของ เอ้ก ดิจิทัลจะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อแบรนด์ให้กับผู้บริโภคได้อย่างไร้รอยต่อและช่วยให้แบรนด์ต่าง ๆ เพิ่มยอดขาย, ขยายฐานลูกค้า, สร้างกระแสที่ดีในสังคมออนไลน์ ฯลฯ จากการทำงานที่ผ่านมา แบรนด์ที่ใช้บริการ Media Convergence แบบครบวงจร สามารถเพิ่มอัตราผู้ซื้อ (Customer Conversion Rate) ได้สูงขึ้น 7.15 เท่า รวมถึงลูกค้าที่ซื้อสินค้าหน้าร้านใช้เงินสูงขึ้นกว่า 30% เมื่อเทียบกับการใช้สื่อเพียงสื่อใดสื่อหนึ่ง”
นางสาวรัฐธีร์ เจริญรัตน์วรกุล ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจ MarTech Solution บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด กล่าวว่า “ในปี 2024 คาดการณ์ว่า องค์กรต่างๆ จะใช้งบลงทุนด้าน MarTech โดยเฉลี่ย 46% ของงบการตลาดขององค์กร* สะท้อนให้เห็นว่า MarTech ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำการตลาดยุค Data-Driven ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจ ซึ่งเราจะรุกตลาดด้วย 2 แนวทาง ได้แก่
1. เพิ่มศักยภาพบริการด้วย AI, เทคโนโลยีขั้นสูง และฐานข้อมูลของลูกค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการวางกลยุทธ์และแผนการตลาดดิจิทัลให้คู่ค้า เพราะจาก Use Case ที่ประสบความสำเร็จในการใช้ AI และ Loyalty Platform สร้างแคมเปญการตลาดและให้ความรู้เรื่องผลิตภัณฑ์ ผลลัพธ์คือเราสามารถเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์ได้ 100% เปิดช่องทางการสื่อสารใหม่ และเพิ่มจำนวนสมาชิก Social Media ของแบรนด์ได้ถึง 30%
2. เปิดตัวบริการใหม่ E-LON (EGG LINE Official Notification) โซลูชันส่งข้อความทางเบอร์โทรศัพท์ผ่าน SMS และ LINE ซึ่งจุดเด่นที่แตกต่างของบริการนี้อยู่ที่การนำดาต้าของคู่ค้ามาต่อยอดวิเคราะห์ด้วย AI ทำให้การส่งข้อความมีประสิทธิภาพและตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น เพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ยังปลอดภัยและมีความน่าเชื่อถือ เพราะสามารถยืนยันตัวตนผู้ส่งได้ ช่วยลดปัญหาข้อความจากมิจฉาชีพ สร้างประสบการณ์ที่ดีต่อผู้รับ ซึ่งปัจจุบันมีกลุ่มธุรกิจเครื่องสำอาง กลุ่มยานยนต์ กลุ่มอาหารเครื่องดื่ม กลุ่มการเงินและสินเชื่อประกัน ที่สนใจใช้บริการ E-LON โซลูชันเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
“องค์กรธุรกิจในปัจจุบันต้องปรับตัวให้ทันต่อเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและตลอดเวลา รวมถึงต้องหยิบดาต้ามหาศาลที่เกิดขึ้นใหม่ในทุกๆ วันมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งเอ้ก ดิจิทัล มุ่งหวังที่จะเป็นพาร์ทเนอร์ที่สนับสนุนทุกธุรกิจของไทยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด สามารถทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัล และสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขัน โดยเราจะหลอมรวมความเชี่ยวชาญทุกด้านเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีขั้นสูง AI, Generative AI, ML, First Party Data 720, ประสบการณ์ของทีมผู้เชี่ยวชาญ 4D เพื่อนำเสนอบริการแบบ End-to-End ที่มีความเฉพาะตัวเหมาะสมกับความต้องการของแต่ละธุรกิจ ขณะเดียวกัน เราจะเดินหน้าอัปสกิลด้าน Data Analytics, AI, และ Digital Marketing ให้กับพนักงานอยู่เสมอ รวมถึงผนึกความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำ จัดโครงการ Internship Program พัฒนาทักษะนักศึกษาผ่านการฝึกงานจริง พร้อมดึงดูดคนรุ่นใหม่เหล่านี้มาทำงานกับเรา สำหรับปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายผลักดันรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 25% และขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้น 15% พร้อมก้าวสู่ผู้นำด้าน AI, Data-Driven Solutions, Media และ MarTech ในประเทศไทย” ดร.ธีรเดช กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับลูกค้าองค์กรที่สนใจบริการของ บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.eggdigital.com หรือ โทร. 02-020-2364
#EGGDigital #2024DeepTechRevolution #AscendGroup #AscendCommerce
ข้อมูลอ้างอิง: *Thailand’s Martech Report 2024 by Content Shifu and Hummingbirds Consulting