ขับเคลื่อนสู่อนาคตด้วยพลัง 5G 6 ประโยชน์ดีๆ ที่ 5G พร้อมยกระดับประสบการณ์สมาร์ตโฟนยุคใหม่ พร้อมสัมผัสกับ 5G บน Vivo V20 ซีรีส์
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เราต้องยอมรับว่า ‘5G’ กลายเป็นคำศัพท์ที่ทุกคนพูดถึงอย่างกว้างขวาง และสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วโลก ในหลายประเทศกำลังเร่งใส่พัฒนาเทคโนโลยีอย่างหนัก เพื่อจะเป็นเจ้าแรกของโลกที่นำเทคโนโลยี 5G มาใช้อย่างสมบูรณ์แบบ
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีหนึ่งคำถามในใจของผู้บริโภคว่า “แล้ว 5G เกี่ยวข้องและส่งผลกระทบกับเราอย่างไร?”
หากจะตอบคำถามนี้ เราต้องเข้าใจก่อนว่า 5G คืออะไร หากอธิบายตามฟังก์ชั่นการทำงาน 5G คือเครือข่ายการสื่อสารไร้สายรุ่นที่ 5 ที่มาพร้อมประโยชน์หลัก 3 อย่าง ได้แก่ 1. ความเร็วที่เหนือกว่า 2. แบนด์วิธที่สูงขึ้น และ
3. ความหน่วงในการส่งข้อมูลที่ต่ำลง เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นพี่อย่าง 4G
แล้วประโยชน์ที่ฟังดูเทคนิคจ๋าขนาด นี้จะเป็นประโยชน์ต่อการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันได้อย่างไร? อย่างแรกเลย 5G นั้นเป็นมากกว่าความเร็วอินเทอร์เน็ต แต่เป็นการพลิกโฉมประสบการณ์ผู้ใช้และไลฟ์สไตล์ในการใช้สมาร์ตโฟน ด้วยความก้าวล้ำนำหน้าทางเทคโนโลยีที่มากับเครือข่าย 5G โดยผู้ใช้งานจะสัมผัสได้เลยว่าความหน่วง (Lag) และความล่าช้า (Delay) นั้นลดลง พร้อมยกระดับการใช้งานสมาร์ตโฟนและการโต้ตอบบนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
พูดง่ายๆ ก็คือ 5G มีศักยภาพในการปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้งานอย่างยิ่งยวด ลองมาดูตัวของ 6 ประโยชน์ที่ผู้ใช้จะได้รับกันได้เลย
- รับส่งข้อมูลได้ทันที
ชัยชนะสูงสุดของเครือข่าย 5G ก็คือความหน่วงในการส่งข้อมูลที่ต่ำลง (Low latency) ซึ่งก็คือเวลาแฝงระหว่างการส่งข้อมูล ถึงเครือข่าย 5G จะมีความหน่วงต่ำในระดับหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ก็ยังช้าอย่างเห็นได้ชัดเมื่อผู้ใช้งานพยายามส่งไฟล์ขนาดใหญ่ อาทิ ไฟล์วิดีโอ 5G ถูกออกแบบมาเพื่อลดความหน่วงในจุดนี้ เทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายรุ่นนี้จะช่วยลดความหน่วงได้อย่างมาก ส่งผลให้ผู้ใช้งานสามารถรับส่งข้อความหรือคุยวิดีโอคอลกับคนที่คุณรักได้ราบรื่นกว่าเดิม
- อัปเกรดการเล่นวิดีโอบนมือถือ
ในยุคสมัยที่ใครๆ ก็เจาะขอบจอรอดูซีรีส์รายการโปรดบนสมาร์ตโฟนไม่ว่าจะที่ไหนหรือเมื่อไหร่ แน่นอนว่าไม่มีใครอยากนั่งรอให้อารมณ์ค้างอยู่ที่หน้าดาวน์โหลด โดยเฉพาะในพื้นที่แออัดที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น พร้อมอุปกรณ์มากมายหลายเครื่องที่พยายามเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่ายเดียวกัน ผู้ใช้งานอาจต้องเซ็งกับความเร็วในการโหลดข้อมูลที่ช้าลงและวิดีโอที่ติดๆ ขัดๆ
ด้วยความสามารถของเทคโนโลยี 5G ช่วงเวลาแห่งการรอคอยจะเหลือแค่ศูนย์ เนื่องจากความหน่วงในการส่งข้อมูลที่ต่ำลงและความจุแบนด์วิธที่สูงขึ้นจะทำให้การสตรีมวิดีโอคุณภาพสูงเป็นเรื่องง่ายดายแม้กระทั่งในพื้นที่แออัด นอกจากนี้ ความจุแบนด์วิธที่มากกว่าเดิมยังช่วยกู้ชีวิตผู้ใช้งานจากเคอร์เซอร์ตัวร้าย ‘ลูกบอลชายหาดแห่งความตายที่หมุนติ้วไม่รู้จบ’ อีกทั้งยังสามารถดาวน์โหลดวิดีโอได้อย่างง่ายดาย แม้จะมีการเชื่อมต่อคุณภาพต่ำก็ตามที
- เกมเมอร์พร้อมฟาด ลุยสมรภูมิออนไลน์ได้อย่างเต็มที่
ไม่ว่าเกมเมอร์คนไหนต่างก็พยักหน้าบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ปัญหากวนใจอันดับหนึ่งที่ประสบพบเจอระหว่างเล่นเกมมือถือก็คืออาการกระตุก หรือที่เราคุ้นเคยกันในนิยาม ‘เกมแลค’ (Lags) ซึ่งต้นเหตุของปัญหานี้ก็คือความหน่วงในการส่งข้อมูลของเครือข่ายอีกเช่นเคย ก่อให้เกิดความล่าช้าดีเลย์ซึ่งส่งผลไปถึงเวลาตอบสนองในเกมของผู้ใช้งาน
ด้วยความหน่วงที่ต่ำลงของเครือข่าย 5G ปัญหานี้จะเป็นแค่เรื่องของวันวาน แล้ว 5G ยังจะช่วยให้เหล่าเกมเมอร์ดื่มด่ำกับประสบการณ์เล่นเกมบนมือถือที่สมจริงและโต้ตอบได้สมบูรณ์แบบกว่าเดิมด้วยนวัตกรรมล่าสุด อาทิ การเล่นเกมระยะไกลแบบเรียลไทม์ การเล่นเกมมือถือออนไลน์แบบผู้เล่นหลายคน รวมถึงการเล่นเกมบนคลาวด์ด้วยเช่นกัน
- การเพิ่มขึ้นของอุปกรณ์ไอโอที หรืออินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet-of-Things, IoT)
ทั้งความเร็ว แบนด์วิธ และความหน่วงต่ำที่มาพร้อมเครือข่าย 5G จะทำให้การจัดการอุปกรณ์ไอโอที จำนวนมากเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพกว่าเดิม ผู้ใช้งานอาจได้เห็นนวัตกรรมอุปกรณ์ใหม่ๆ ที่สามารถเชื่อมต่อผู้ใช้ให้ใกล้กันมากกว่าที่เคย
ผู้ใช้งานจะได้รับประโยชน์มากมาย อาทิ การใช้งานอุปกรณ์อัจฉริยะสมาร์ตโฮม ผู้ใช้งานจะสัมผัสความเร็วที่เพิ่มขึ้นและความล่าช้าหรือกระตุกที่ลดลง ซึ่งช่วยเสริมความเร็วในการเชื่อมต่อเมื่ออุปกรณ์กำลังรับส่งข้อมูลและการแจ้งเตือนต่างๆ นอกจากอุปกรณ์สมาร์ตโฮมแล้ว อุปกรณ์ไอโอทีต่างๆ ก็ยังได้ประโยชน์จากความเร็วและการเชื่อมต่อที่รวดเร็วขึ้นเช่นกัน
- การใช้งานที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้
เนื่องจากเครือข่าย 5G ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการบูรณาการเพื่อใช้งานในหลายประเทศ แน่นอนว่าต้องมี ข้อกังวลและความสับสนเกิดขึ้นในหมู่ผู้ใช้งานเกี่ยวกับความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของ 5G โดยสิ่งที่น่ากังวลที่สุดก็คือ 5G จะมีผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพบางอย่างหรือไม่ แต่ทางหน่วยงาน International Commission on Non-Ionizing Radiation Protection (ICNIRP) ก็ได้ออกมาย้ำแล้วว่าสัญญาณ 5G นั้นไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้ใช้งานแต่อย่างใด
เมื่อจับความเร็ว ความหน่วงต่ำ และความจุแบนด์วิธที่เพิ่มขึ้นรวมเข้าด้วยกัน จึงกลายเป็นเครือข่าย 5G ที่ผู้ใช้งานสามารถเชื่อถือได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
- ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ 5G ราคาประหยัดได้เร็วๆ นี้
ด้วยนานาประโยชน์ที่มาพร้อมกับเครือข่าย 5G ผู้ใช้งานบางรายจึงมีความกังวลว่าอุปกรณ์ 5G อาจมีราคาแพงจนเอื้อมไม่ถึง แต่จงหยุดความกังวลเอาไว้ตรงนี้ เพราะสมาร์ตโฟน Vivo V20 Pro 5G จะมาตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องการใช้อุปกรณ์ 5G ในราคาที่สมเหตุสมผล ด้วยรูปลักษณ์ตัวเครื่องอันสวยงาม Vivo ได้บรรจุเทคโนโลยีชั้นนำของวงการเอาไว้ภายในดีไซน์เพรียวบาง โฉบเฉี่ยว เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ใช้งาน
สมาร์ตโฟน V20 Pro 5G มาพร้อมชิป Qualcomm Snapdragon 765G ซีพียู Octa-core ขนาด 7 นาโนเมตรที่รองรับทั้งโหมด Standalone Access (SA) และ Non-Standalone Access (NSA) สำหรับเครือข่าย 5G ซึ่งประสิทธิภาพขั้นสูงนี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานเพลิดเพลินกับการเชื่อมต่อความหน่วงต่ำในบริบทหรือสถานการณ์ที่ค่อนข้างท้าทาย เช่นในลิฟต์หรือบนรถไฟความเร็วสูง
โอกาสใหม่ๆ อันน่าตื่นเต้นกำลังรอทุกคนอยู่ในอนาคตอันใกล้นี้ ด้วยขุมพลังและความสามารถของเทคโนโลยี 5G ซึ่ง Vivo มีความพร้อมทั้งจุดแข็ง ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีระดับโลก ตลอดจนการติดอันดับท็อป 4 ของโลกด้านการผลิตสมาร์ตโฟน 5G และส่วนแบ่งตลาดในปี 2020 ที่พร้อมมอบสุดยอดประสบการณ์การเชื่อมต่อให้กับผู้ใช้ได้มากขึ้น และด้วยความสามารถด้าน 5G ของสมาร์ตโฟน Vivo ผู้ใช้จะได้สัมผัสกับประสิทธิภาพแห่งการใช้งานด้านเทคโนโลยีเพื่อบันทึกช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต เป็นศูนย์กลางของทุกเทรนด์ล่าสุดไม่ว่าจะอยู่ที่ใด
บนโลก
สมาร์ตโฟน V20 ซีรีส์ จาก Vivo ที่รองรับ 5G คือรุ่น V20 Pro 5G โดยเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าได้แล้ววันนี้ไปจนถึงวันที่ 29 กันยายน 2563 และจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศในวันที่ 30 กันยายน 2563 ในราคา 14,999 บาท
ติดตามข่าวสารของ Vivo ได้ที่ https://www.vivo.com/th/about-vivo/news
*หมายเหตุ: ฮาร์ดแวร์ของสมาร์ตโฟน V20 Pro รองรับ SA และจะถูกอัปเกรดเพื่อเปิดใช้งาน เมื่อสามารถใช้งานได้ในพื้นที่