vivo X200 Pro อย่างเป็นทางการพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่และ Dimensity 9400
X200 Pro มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Carbon Black, Titanium Grey, Moonlight White และ Sapphire Blue ซึ่งสามารถแสดงรูปแบบคลื่นทะเลภายใต้สภาพแสงต่างๆ ได้ Vivo บอกว่ามีกระจกลอยตัวที่เลียนแบบแสงที่โปร่งแสงเหมือนอัญมณี Titanium Green ของ X200 Pro mini สื่อถึงสีเขียวอ่อนของธรรมชาติ ในขณะที่ Light Pink แกะสลักเฉดสีของดอกซากุระด้วยพื้นผิวโลหะ Mini มีการเคลือบกระจกแบบฝ้าที่ด้านหลัง
โทรศัพท์ทั้งสองรุ่นมีขอบแบนกว่าในทางเทคนิคเมื่อเทียบกับซีรีส์ X100 ที่โค้งมน ในขณะที่ X200 Pro มีหน้าจอ Quad Curved ขนาด 6.78 นิ้ว X200 Pro mini มีหน้าจอแบนขนาด 6.31 นิ้ว หน้าจอที่ใหญ่กว่าของ vivo X200 Pro มีขอบหนาถึง 1.63 มม. ทุกด้าน แผงหน้าจอเป็นหน่วย LTPO ที่มีอัตราการรีเฟรชแบบแปรผันที่เพิ่มได้ถึง 120Hz ความสว่างสูงสุด 4,500 nits และรองรับ Dolby Vision
ทั้งสองรุ่นใช้ชิป MediaTek Dimensity 9400 รุ่นใหม่ที่พัฒนาร่วมกับ vivo โดยชิป SoC ทำงานบนกระบวนการ 3nm รุ่นที่ 2 ของ MediaTek และมาพร้อมซูเปอร์คอร์ Cortex-X925 ที่สามารถเร่งความเร็วได้ถึง 3.626GHz ในด้านกราฟิกนั้นมี GPU 12 คอร์พร้อมคำมั่นสัญญาว่าจะเล่นเกมได้อย่างทรงพลัง มาพร้อมกับ OriginOS 5 ใหม่ของ vivo พร้อมฟีเจอร์ AI ใหม่ เช่น Origin Island และ AI Circle to Search
Vivo สามารถใส่แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ลงในโทรศัพท์ X200 Pro ทั้งสองรุ่นได้ด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Silico Anode รุ่นที่ 3 X200 Pro มีแบตเตอรี่ 6,000mAh ในขณะที่ X200 Pro mini มีแบตเตอรี่ 5,700mAh ทั้งสองรุ่นรองรับการชาร์จแบบมีสาย 90W และแบบไร้สาย 30W รุ่น Vivo X200 Pro มีกล้องหลังสามตัวพร้อมเลนส์ Zeiss T* และชิปถ่ายภาพ V3+ ของ Vivo ที่ทำหน้าที่หลัก (เช่นเดียวกับ Vivo X100 Ultra) กล้องหลักของทั้งสองรุ่นคือ Sony LYT-818 ซึ่งเป็นกล้องถ่ายภาพขนาด 1/1.28 นิ้วที่ผลิตขึ้นด้วยกระบวนการ 22 นาโนเมตร เลนส์เป็นเลนส์ f/1.57 พิเศษพร้อมเทคโนโลยีการปรับเทียบความแม่นยำของแสง ซึ่งในทางเทคนิคแล้วถือว่าเป็นการก้าวลงจากกล้องขนาด 1 นิ้วของซีรีส์ X100 Pro แต่ Vivo อ้างว่าเซ็นเซอร์ใหม่นี้เทียบชั้นกับเซ็นเซอร์ที่ใหญ่กว่าในการถ่ายภาพนิ่งและเหนือกว่าในด้านการถ่ายวิดีโอ
เมื่อพูดถึงวิดีโอ V3+ สามารถถ่ายวิดีโอภาพบุคคลแบบภาพยนตร์ 4K HDR ซึ่ง Vivo บอกว่าเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม โดย 4K สูงสุดที่ 120fps สำหรับสโลว์โมชั่นแบบภาพยนตร์ หรือคุณสามารถถ่าย 4K HDR Dolby Vision ได้สูงสุด 60fps และหากนั่นยังไม่เพียงพอ โทรศัพท์ X200 Pro ยังสามารถบันทึก 4K ‘ระยะโฟกัสเต็ม’ ใน 10-bit Log ได้สูงสุด 60fps
การอัปเกรดที่แท้จริงคือกล้องเทเลโฟโต้ Zeiss APO 200MP ตัวใหม่ซึ่งมีอยู่ใน X200 Pro ซึ่งเป็นหน่วยที่น่าประทับใจเช่นเดียวกับของ X100 Ultra เป็นเลนส์ซูม 85 มม. (3.7x) พร้อมเลนส์ f/2.67 ที่สว่าง X200 Pro mini ใช้เซ็นเซอร์ 50MP ขนาด 1/1.95 นิ้ว ซึ่งน่าประทับใจน้อยกว่า พร้อมเลนส์ซูม 3x 70 มม. f/2.6 กล้องอีกสองตัวเป็นอัลตราไวด์ 50MP f/2.0 พร้อมออโต้โฟกัสและเซลฟี่ 32MP f/2.0
Vivo X200 Pro เปิดพรีออเดอร์แล้ว และจะจัดส่งในวันที่ 19 ตุลาคม มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Sapphire Blue, Titanium Grey, Moonlight White และ Carbon Black มีให้เลือก 12/256GB, 16/512GB, 16GB/1TB และรุ่นพิเศษ 16GB/1TB Satellite Edition ราคา 5,299 หยวน (ประมาณ 25,000 บาท) 5,999 หยวน (ประมาณ 28,000 บาท) 6,499 หยวน (ประมาณ 30,500 บาท) และ 6,799 หยวน (ประมาณ 32,000 บาท) ตามลำดับ